- ระบบเจ้าภาษีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีจุดมุุ่งหมายสำคัญประการหนึ่งคือข้อใด
- พระคลังสินค้ามีอำนาจผู้กขาดการค้ามากขึ้น
- ส่งเสริมให้เกิดการค้าเสรี
- เจ้าภาษีนายอากรผูกขาดการค้าแทนพระคลังสินค้า
- รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นและแน่นอน
- สิทธิสภาพนอกอาณาเขต หมายถึงอะไร
- การยกดินแดนให้ต่างประะเทศ
- สิทธิพิเศษของชาวต่าชาติในทางเศรษฐกิจ
- สิทธิพิเศษของชาวต่างชาติในทางศาสนา
- สิทธิพิเศษของชาวต่างชาติในทางศาล
- แหล่งรายได้ใหญ่ของแผ่นดินสมัยอยุธยาคือข้อใด
- กำไรจากการค้าผูกขาดภายในประเทศ
- เจ้าภาษีนายอากร
- รายได้จากผลประโยชน์ในที่ดินของกษัตริย์และมูลนาย
- รายได้จากการค้าขายกับต่างประเทศ
- การเปิดประเทศทำการค้าขายติดต่อกับต่างประเทศภายในหลังจากสนธิสัญญาเบาริงปี พ.ศ.๒๓๙๘ นั้นมีผลทางเศรษฐกิจมากมาย ข้อความใดที่ไม่ถูกต้อง
- อุตสาหกรรมในครัวเรือนพังทลาย
- มีการใช้เงินตรากันอย่างแพร่หลาย
- ต่างชาติเข้ามาลงทุน
- ประเทศเป็นอิสระทางเศรษฐกิจมากขึ้น
- เค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติของนายปรีดี พนมยงศ์ มีลักษณะที่สำคัญอย่างไร
- เป็นระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
- เป็นระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์
- เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม
- เป็นระบบเศรษฐกิแบบผสมผสานระหว่างสังคมนิยมกับเสรีนิยม
- สนธิสัญญาฉบับแรกที่ไทยทำกับประเทศตะวันตกในสมัยรัตนโกสินทร์ คือข้อใด
- สนธิสัญญาครอว์เฟิด
- สนธิสัญญาเบาริง
- สนธิสัญญาเบอร์นี่
- สนธิสัญญาเจมส์ บรุ๊ค
- ในสมัยอยุธยาไทยส่งสินค้าประภทใดออกมากเป็นพิเศษ
- ช้าง
- ผลิตภัณฑ์
- ผ้า
- ของป่า
- รัฐบาลในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตอบสนองแรงกระตุ้นในทางเศรษฐกิจที่สนธิสัญญาเบาริ่งก่อให้เกิดขึ้นอย่างไร
- เลิกและลดพิกัดอัตราภาษีสินค้าหลายชนิด
- เก็บภาษีสินค้าขาเข้าเพียงร้อยละ ๓
- ขุดคลองเจดีย์บูชา
- ส่งพระยามนตรีศรีสุรยวงศ์เป็นราชฑูตไปยังลอนดอน
- จุดประสงค์สำคัญของเศรษฐกิจแบบชาตินิยมของจอมพล ป.พิบูลสงคราม คืออะไร
- กำจัดอิทธิพลทางเศรษฐกิจของต่างชาติ
- ออกพระราชบัญญัติจัดหางานให้ผู้ไรอาชีพ
- ออกพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร
- ให้อำนาจเด็ดขาดแก่รัฐบาลในพระราชบัญญัติมอบอำนาจให้รัฐบาลในภาวะคับขัน พ.ศ.๒๔๘๕
- การผูกขาดการเก็บภาษีอากรของไทยโดยระบบ เจ้าภาษีนายอากร ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของราษฏรไทยอย่างไร
- คนไทยมีความขยันในการประกอบอาชีพมากขึ้น
- อาชีพค้าขายของคนไทยถูกคนจีนแย่งไปครอบครอง
- คนไทยมีรายได้สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
- คนไทยมีโอกาสชำระภาษีน้อลง
- ภายหลังสนธิสัญญาเบาริ่งที่ไทยตกลงกับอังกฤษแล้ว ปรากฏว่าไทยมีรายได้แผ่นดินลดลงเป็นเพราะเหตุใด
- จีนซึ่งเป็นตลาดการค้าสำคัญของไทยเกิดสงครามกับต่างชาติ
- ไทยเก็บภาษีขาเข้าได้เพียงร้อยละ ๓ ของราคาสินค้าเท่านั้น
- ชาติตะวันตกส่งเรือมาค้าขายในจำนวนน้อยลงกว่าเดิม
- การค้ากับต่างชาติตกอยู่ในกำมือของชาวจีนเป็นส่วนใหญ่
- ข้อใดเป็นผลที่เกิดขึ้นที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่ไทยได้ทำสนธิสัญญาเบาริง พ.ศ.๒๓๙๘
- ไทยต้องเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และเรียกเก็บภาษีขาเข้าได้เพียงร้อบละ ๓
- ไทยถูกยกเลิกการค้าผูกขาดของพระคลังสินค้า
- ไทยได้ชื่อว่ารักษาเอกราชของชาติไว้ได้จากการยอมเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่
- ไทยกลายเป็นประเทศผลิตสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดภายนอก เช่น ข้าว
- หลังจากไทยทำสัญญาเบาริงได้ไม่นานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโดยส่วนรวมข้อใดที่เห็นเด่นชัดที่สุด
- มีการขยายพื้นที่การทำเป็นอย่างมาก และข้าวกลายเป็นสินค้าออกที่สำคัญที่สุดของไทย
- เกิดการขาดแคลนแรงงาน รัฐบาลจึงมีนโยบายสนับสนุนคนจีนให้เข้ามาตั้งหลักแหล่งในประเทศ
- คนไทยทุกภาคจะทิ้งงานหัตถกรรมหันไปซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศ
- รายได้ของรัฐบาลลดลงอย่างมากเพราะถูกจำกัดด้วยภาษีร้อยชักสาม
- ข้อความใดที่แสดงให้เห็นลักษณะเฉพาะทางเศรษฐกิจในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
- การค้าขายกับประเทศจีน
- การผูกขาดการค้าโดยพระคลังสินค้า
- การค้าขายกับประเทศตะวันตก
- การประมูลผุกขาดการเก็บภาษีอากร
- ข้อใดที่อธิบายหน้าที่พระคลังสินค้าได้ถูกต้องที่สุด
- พระคลังสินค้าดูแลการค้าภายในประเทศ
- พระคลังสินค้าทำหน้าที่เก็บรักษาสินค้าทุกประเภท
- พระคลังสินค้าค้าขายกับพ่อค้าชาวจีนเท่านั้น
- พระคลังสินค้าเท่านั้นทำหน้าที่ควบคคุมตรวจตราสินค้าออกสินค้าเข้า
- ข้อใดไม่ใช่อุปสรรคของชาวตะวันตกในการติดต่อการค้ากับไทยในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
- การค้าของไทยเป็นระบบผูกขาด
- รัฐบาลไทยไม่อนุญาตให้นำเข้าสินค้าบางประเภท
- การเก็บภาษีไม่เท่าเทียมกันและอัตราไม่แน่นอน
- รัฐบาลเลือกซื้อสินค้าก่อน ที่เหลือจึงได้นำไปขายประชาชนได้
- การที่สามัญชนในสมัยอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์ไม่ค่อยมีบทบาทด้านการค้าภายในประเทศเท่ากับคนจีน เพราะ
- คนจีนไม่ถูกควบคุมโดยระบบไพร่
- คนจีนขยันกว่าคนไทย
- คนไทยไม่นิยมทำการค้า
- คนไทยไม่ได้รับการสนับสนุนให้ค้าขาย
- รัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงครามดำเนินนโยบาย ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ นโยบายนี้มีลักษณะอย่างไร
-
- รัฐบาลส่งเสริมให้เอกชนลงทุนด้านอุตสาหกรรมมากขึ้น
- รัฐบาลอนุญาตให้เฉพาะประเทศประชาธิปไตยเข้ามาลงทุนในประเทสไทยได้
- รัฐบาลลงทุน ควบคุมและบริหารธุรกิจภายในประเทศเอง
- รัฐบาลออกกฏหมายห้ามคนต่างด้าวทำธุรกิจบางประเทศ
- การเก็บภาษีอากรโดยวิธีการประมูลผูกขาดในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากสาเหตุสำคัญคือ
- รัฐบาลต้องการรายได้ที่แน่นอน
- การทำสนธิสัญญาเบาริงกับอังกฤษ
- การทำสนธิสัญญาเบอร์นี่กับอังกฤษ
- การปฏิรูปการเงินการคลัง
- เศรษฐกิจสุโขทัยและอยุธยาแตกต่างกันอย่างไร
- สุโขทัยมีการค้าอย่างเสรี อยุธยามีการผุกขาดการค้า
- สุโขทัยมีการผลิตแบบพอยังชีพเป็นหลัก อยุธยามีการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก
- สุโชทัยไม่มีการเก็บภาษีอากรใดๆ อยุธยามีการเก็บภาษีอากรหลายประเภท
- สุโขทัยทำการค้ากับจีนมากทีสุด อยุธยาทำการค้ากับอินเดียมากที่สุด
- การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเข้าสู่แบบสมัยใหม่ของไทย เริ่มจากสนธิสัญญาฉบับใดและในรัชกาลใด
- เบอร์นี่ รัชกาลที่ ๓
- เบาริง รัชกาลที่ ๓
- เบาริง รัชกาลที่ ๔
- เบอร์นี่ รัชกาลที่ ๔
- ข้อใดไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลเนื่องจากสนธิสัญญาเบาริง
- การเลิกระบบผูกขาดการค้าและเริ่มระบบการค้าเสรี
- การปลดปล่อยไพร่และทาสเป้นแรงงานเสรี
- การขยายตัวของเศรษบกิจเงินตราและการขยายตัวของการค้ากับตะวันตก
- การเริ่มเข้ามามีบทบาททางเศรษฐกิจของคนจีนและเริ่มส่งข้าวเป้นสินค้าออก
- ข้อใดไม่ใช่่ปัญหาของไทยในช่วงรัชกาลที่ ๔ ถึง พ.ศ.๒๔๗๕
- ลดประโยชน์ทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือนายทุนจำนวนน้อยที่เป็ฯชาวจีนและตะวันตก คนไทยส่วนใหญ่ยากจน
- การเลิกระบบไพร่และทาสทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน รัฐบาลต้องจ้างแรงงานชาวจีนมาก จนประสบปัญหาด้านการเงินและการคลัง
- มีความขัดแย้งทางความคิดอันนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างผู้นำของประเทศกับปัญญาชนรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาแบบตะวันตก
- มีปัยหาทางเศรษฐกิจเพราะไร่นาเสียหายจากอุทกภัย ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และความฟุ่มเฟือยในการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๔ ก่อให้เกิดผลอย่างไร
- การปฏิรุูปที่ดินทั่วประเทศทำให้ชาวนาได้ครอบครองที่ดินเพิ่มขึ้นและมีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้น
- การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในเมืองและชนบททำให้การกระจายรายได้เป็นธรรมมากขึ้น ช่องว่างระหว่างชนชั้นลดลง
- การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาขึ้นเป็นครั้งแรก ทำให้กิดการเลื่อนชั้นทางสังคมโดยอาศัยการศึกษาอย่างมาก
- การขยายตัวของอุตสาหกรรมทำให้ชนชั้นนายทุนเพิ่มจำนวนและมั่งคั่งขึ้น
- ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของกรุงศรีอยุธยา เกิดขึ้นจากเหตุผลข้อใด
- ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าว
- กษัตริย์ส่งเสรมการค้าภายใน
- การค้าขายระหว่างไทย กับจีน
- กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองท่าที่มีความเหมาะสม
- ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้าของไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองมาก คืออะไร
- มีสัมพันธภาพอันดีกับประเทศจีน
- ระบบ พระคลังสินค้า ที่มีประสิทธิภาพ
- ระบบผูกขาดทางการค้าของพระมหากษัตริย์
- ได้ชาวจีนที่ชำนาญทางการค้าเป้นเจ้าพนักงานการค้า
- วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยสมัยรัชกาลที่ ๗ มีสาเหตุสำคัญที่สุดมาจากอะไร
- การปฏิวัติ พ.ศ.๒๔๗๕
- ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
- ผลผลิตทางเกษตรเสียหายเพราะภัยธรรมชาติ
- เพราะความยุ่งยากทางการเมืองจนรัฐบาลไม่มีเวลาพอที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
- ระบบผูกขาดโดยพระคลังสินค้าในสมัยอยุธยาก่อให้เกิดผลสำคัญอะไร
- การค้ากับต่างประเทศลดปริมาณลง
- รัฐเอาใจใส่ควบคุมกำลังคน และจัดเก็บส่วยมากขึ้น
- รัฐเผชิญกับปัญหาการจัดเก็บภาษีจากท้องถิ่นต่างๆ
- รัฐควบคุมการผลิตเืพื่อการค้าให้เหมาะสม
- กิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบใดของรัฐบาลสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่ไม่ปรากฏในสมัยอยุธยา
- เดินเรือสำเภาค้าขายกับจีน
- เปิดประมูลภาษีอากร
- ผูกขาดสินค้า
- งดเว้นภาษี
- รายได้หลักของไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ได้มาจากอะไร
- การผูกขาดโดยพระคลังสินค้า
- การเก็บส่วย
- การค้ากับต่างประเทศ
- การเกณฑ์แรงงานจากไพร่
- ข้อใดเป็นลักษณะเด่นของระบบพระคลังสินค้า
- การเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาประมูลภาษี
- ราษฏรกับพ่อค้าไม่สามารถติดต่อค้าขายกันได้โดยตรง
- การผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยรัฐ
- การยินยอมให้ไพร่นำผลผลิตส่วนเกินที่รัฐไม่ต้องการออกขายได้
- เพราะเหตุใดไทยจึงร่ำรวยจากการค้ากับต่างประเทศจนเป็นรายได้หลักของแผ่นดินนับแต่สมัยอยุธยาจนถึงตอนต้นรัตนโกสินทร์
- รัฐบาลมีชาวจีนช่วยในการค้า
- รัฐบาลผูกขาดการค้าไว้แต่ผู้เดียว
- รัฐบาลให้เสรีภาพในการค้าอย่างเต็มที่
- รัฐบาลมีสินค้าต้องห้ามสำหรับขายมาก
- ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่สาเหตุของการกำหนดสินค้าต้องห้ามในการค้ากับต่างประเทศสมัยอยุธยาตอนกลาง
- พระคลังสินค้าต้องการกำหนดราคาสินค้าเอง
- พระคลังสินค้าต้องการเป็นตัวกลางในการค้าขาย
- พระคลังสินค้าต้องการจำกัดการนำเข้าสินค้าประเภทอาวุธ
- พระคลังสินค้าต้องการเลิกจัดเรือสำเภาไปค้าขายกับต่างประเทศ
- ข้อใดแสดงให้เห็นชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงหลังสนธิสัญญาเบาริงจากระบบเศรษฐกิจแบบยังชีพมาเป็นเศรษฐกิจการค้า
- ชาวนาเลิกผลิตข้าวและสิ่งของเครื่องใช้โดยหันมาซื้อแทน
- ชาวนาผลิตข้าวมากขึ้นเพื่อขายแต่เพียงอย่างเดียว
- ชาวนาหันมาทำนาโดยใช้วิทยาการแบบตะวันตก
- ชาวนาเิลิกจ่ายภาษีเป็น หางข้าว แต่จ่ายเป็นเงินแทน
- วัตถุประสงค์สำคัญที่สุดของการจัดให้มีระบบเจ้าภาษีนายอากร ในรัชสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวคือข้อใด
- เพื่อให้มีรายได้เิพิ่มมากขึ้น
- เพื่อแทนที่ภาษีประเภทจังกอบ
- เพื่อเก็บภาษีในรูปเงินตราแทนสิ่งของ
- เพื่อเอกชนมาเก็บภาษีแทนเจ้าหน้าที่
- เหตุผลข้อใดที่ทำให้นักประวัติศาสตร์พบว่าประเทศไทยเสียเปรียบประเทศอังกฤษมากที่สุดในการทำสนธิสัญญาเบาริง
- การเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต
- การไม่ระบุระยะเวลาของสัญญา
- การนำโลหะมีค่าและเงินตราเข้าและออกนอกประเทศได้อย่างเสรี
- การให้ชาวต่างชาติทำการค้าได้โดยเสรีแถบเมืองท่าชายทะเล
- การเก็บภาษีผ่านด่านโดยเก็บร้อยละสิบ หรือ สิบหยิบหนึ่ง เป็นวิธีการเก็บภาษีแบบใด และเกิดขึ้นในสมัยใด
- ส่วย สุโขทัย
- จังกอบ อยุธยา
- ฤชา ธนบุรี
- อากร รัตนโกสินทร์ตอนต้น
- ข้อใดเป็นลักษณะเด่นของระบบเจ้าภาษีนายอากร
- การเปิดโอกาสให้เอกชนประมูลจัดเก็บภาษี
- การผูกขาดการจัดเก็บภาษีโดยรัฐ
- การจัดเก็บภาษีจากการชัดส่วนผลผลิตที่ราษฏรทำได้
- การจัดเก็บภาษีเป็นเงินแทนสิ่งของ
- ให้พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
- ก. การค้าของไทยเป็นรัฐแต่เพียงอย่างเดียว
- ข. การค้าของไทยมีระบบจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อน
- ค. การค้าของไทยจ้างชาวจีนให้ดำเนินการเป็นส่วนใหญ่
- ง. การขยายตัวของระบบการจัดเก็บภาษีอากรแบบผูกขาด
- ก และ ข
- ก และ ค
- ค และ ง
- ก ข ค และ ง
- นโยบายชาตินิยมทางเศรษฐกิจของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร
- ส่งเสริมการผลิตในรูปแบบสหกรณ์
- สนับสนุนให้คนไทยประกอบธุรกิจมากขึ้น
- รัฐเข้าดำเนินการธุรกิจภายในประเทศเอง
- เปิดโอกาสให้เอกชนแข่งขันกันลงทุนอย่างเสรี
- ผลกระทบจากสนธิสัญญาเบาริงที่ทำให้เกิดการเปลี่ยวแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบันคืออะไร
- เกิดการปฏิรูปพระคลังสินค้า
- เกิดการขยายตัวของระบบเงินตรา
- เกิดระบบเจ้าภาษีนายอากร
- เกิดการปฏิรูประบบการประมูลภาษีอากร
- ระบบการค้าเสรีซึ่งเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นการเปิดศักราชใหม่ในทางการค้าของไทย และยังก่อให้เกิดผลดีต่อไทยในเรื่องใด
- การลงทุนทางด้านอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
- ทำให้รัฐบาลไทยมีรายได้ประจำเพิ่มขึ้น
- อังกฤษขัดขวางฝรั่งเศสมิให้ทำรุนแรงกับไทย
- ทำให้เกิดตลาดแรงงานขึ้น
- โครงการรังสิตที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ คือโครงการเกี่ยวกับเรื่องอะไร
- โครงการขยายที่ดินเพื่อป้องกันน้ำท่วม
- โครงการขยายที่ดินเพื่อการเพาะปลูกพืชต่างๆ
- โครงการลงทุึนจัดสรรที่ดินของเอกชน
- โครงการสร้างระบบคลองชลประทาน
- ในสมัยสุโขทัยผลประโยชน์ส่วนใหญ่ที่เกิดจากการผลิตและจำหน่ายผลผลิตจะตกอยู่กับผู้ใด
- ประชาชน
- ผู้ผลิต
- พระมหากษัตริย์
- พ่อค้า
- ข้อความในข้อใดที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการผลิตในชุมชนไทยสมัยก่อน
- ผลิตเพื่อการค้า
- ผลิตเพื่อใช้อุปโภคบริโภค
- ผลิตเพื่อเสียภาษีและส่วย
- ผลิตเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนสินค้าอื่น
- ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของ พระคลังสินค้า
- เป็นผู้ส่งเรือไปค้าขายกับต่างประเทศ
- เป็นผู้ผูกขาดการค้ากับต่างประเทศ
- เป็นผู้ทำหน้าที่ติดต่อกับต่างประเทศ
- เป็นผู้กำหนดราคาสินค้าจากต่างประเทศ
- เพราะเหตุใดจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงใช้นโยบายชาตินิยมทางเศรษฐกิจ
- เพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองให้พ้นจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
- เพื่อเร่งพัฒนาเศรษฐกิจให้ทัดเทียมตะวันตกโดยจัดตั้งรัฐวิสาหกิจเอง
- เพื่อป้องกันไม่ให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสว่นใหญ่ตกอยู่ในมือชาวต่างชาติ
- เพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ซึ่งกำลังแพร่หลายในหมู่ชาวจีนในประเทศไทย
- นโยบายใหม่ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือเรื่องใด
- การอนุญาตให้ส่งข้าวออกไปขายได้
- การใช้ระบบเจ้าภาษีนายอากร
- การจัดตั้งหอรัษฏากรพิพัฒน์
- การใช้วิธีการค้าเสรีเป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้า
- ข้อใดไม่ใช่การเปลียนแปลงทางเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากสนธิสัญญาเบาริง
- ชาวต่างชาติเข้ามามีบทบาทด้านการลงทุนมากขึ้น
- มีการขุดลอกคลองชลประทานเพือขยายพื้นที่ทำการเพาะปลูก
- มีการหลั่งไหลเข้ามาของชาวจีนเพื่อเป็นแรงงานในกิจการค้าสำเภา
- ไทยกลายเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดภายนอก
- ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไทยมีเศรษฐกิจแบบผูกขาดโดยพระคลังสินค้า ในขณะที่ประเทศชาติตะวันตกมีนโยบายเศรษฐกิจแบบใด
- แมเนอร์
- พาณิชย์นิยม
- เสรีนิยม
- สังคมนิยม